โควิดไวรัสร้ายถล่มโลก ปุจฉาหลุดจากแล็บ

แท็ก :

สมองเสื่อม

22 มีนาคม 2567
View 580

“โควิด”…ไวรัสร้ายถล่มโลก สร้าง ความเสียหายมากมายมหาศาลทั้งสุขภาพ…เศรษฐกิจหนึ่งในประเด็นสำคัญที่น่าสนใจมีว่า…จนถึงปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานว่ามาจาก “ธรรมชาติ” จนกระทั่งถึงปี 2022 หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้ไปในทิศทางที่ว่าน่าจะหลุดออกมาจาก “ห้องแล็บ”

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หรือ “หมอดื้อ” คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้มุมมองไว้ว่า ข้อที่หนึ่ง…รายงานจากคณะกรรมการแลนเซ็ท (Lancet commission) วันที่ 14 กันยายน 2022 ประธานคณะกรรมการ คือศาสตราจารย์ Jeffrey Sachs และนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงอื่นๆ

สรุปว่า…มีการปกปิดข้อมูลไม่โปร่งใสตั้งแต่ต้นและไม่มีหลักฐานชัดเจนใดๆ สนับสนุนการกำเนิดจากธรรมชาติ

ข้อถัดมา…รายงานจากรัฐสภาสหรัฐฯปลายเดือนตุลาคม 2022 ระบุน่าจะเกิดจากการศึกษาวิจัยและหลุดจากห้องปฏิบัติการของอู่ฮั่นด้วยข้อมูลมากกว่า 200 ชิ้น

ข้อสาม…การศึกษาวิจัยเป็นความร่วมมือของสหรัฐฯกับอู่ฮั่นผ่านทางองค์กร EcoHealth alliance โดยได้ทุนสนับสนุนจากสหรัฐฯเอง

ข้อที่สี่…ความร่วมมือดังกล่าวกับอู่ฮั่นยังคงมีตลอดจนกระทั่งถึงปัจจุบันในปี 2022 โดยมีการให้ทุนจากสหรัฐฯต่อหลายพันล้านเหรียญ ในการเก็บตัวอย่างไวรัสจากสัตว์ป่าและค้างคาวทั่วโลก รวมกระทั่งถึงประเทศไทย มาเลเซีย และประเทศอื่นๆในเอเชีย

โดยมีจุดประสงค์ที่จะทำการตัดต่อพันธุกรรม เพื่อดูว่าจะเข้ามนุษย์ได้ดีขึ้นหรือไม่และเกิดโรครุนแรงได้หรือไม่ ทั้งไวรัสโควิด โคโรนาไวรัส ไวรัสนิปาห์ เฮนดรา และไวรัสไข้เลือดออก และมีห้องปฏิบัติการชั้นนำร่วมจากสหรัฐฯและในเอเชียร่วมด้วย

ข้อที่ห้า…หนังสือตีพิมพ์จำหน่ายทั่วโลกเปิดเผยข้อมูลการกำเนิดไวรัสโควิด ข้อที่หก…มีความพยายามที่จะเปลี่ยนประเด็นว่าเป็นข่าวโคมลอยตั้งแต่ต้นปี 2020 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน โดยองค์กรที่ได้ทุนวิจัยข้อมูลทั้งหลายสามารถสืบค้นได้จากหลักฐานในวารสารแลนเซ็ท ข้อมูลที่เผยแพร่จากรัฐสภาสหรัฐฯสู่สาธารณชน

และสามารถสืบค้นได้จากการให้สัมภาษณ์ของศาสตราจารย์ Jeffrey Sachs ทางยูทูบ และหนังสือที่ตีพิมพ์ในวันที่ 5 ธันวาคม 2022

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ บอกอีกว่า ประเด็นกำเนิดของโควิดเกี่ยวพันกับการศึกษาวิจัยในห้องแล็บ Covid “most likely” เกิดจากการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับไวรัส research related activities มากกว่าที่จะเกิดจากธรรมชาติ จาก senate วุฒิสภาสหรัฐฯ

ฉายภาพประเด็นแรก…จุดแรกที่เกิดในคนอยู่ใกล้ Wuhaninstitute of Virology ตั้งแต่ตุลาคม 2019 ต่อเนื่องไปถึงว่า “โควิด”…ยังไม่พบโฮสต์ระดับกลาง (intermediate host) หรือสัตว์ตัวกลางใดๆ สำหรับค้างคาวมงกุฎ พบไวรัสใกล้โควิด แต่ไม่ใช่โควิด และไม่เข้าคน

“ปกติแล้วไวรัสจากค้างคาวต้องผ่านสัตว์ตัวกลางเพื่อเพาะบ่มวิวัฒนาการระยะหนึ่งจึงจะมีความสามารถเข้ามนุษย์ได้ แต่ค้างคาวในพื้นที่ต่างๆที่ผ่านการสำรวจในยูนนานลาวมีแต่คล้ายโควิด”

ประเด็นสำคัญมีว่า…ถ้ามีการผ่านตัวกลางจริงที่กลายเป็นโควิดบริเวณพื้นที่กว้างขวางเหล่านี้น่าจะมีคนที่ติดโควิดตั้งแต่ต้นในพื้นที่ต่างๆและระยะเวลาต่างๆ

เช่น ตัวอย่างที่เห็นในไข้หวัดนก avian flu H7N9 ในจีน ที่มีการกระจายทั่วไปในนกทั่วพื้นที่ก่อนจนมีการกระจายเข้าคนในพื้นที่ต่างๆ ณ เวลาต่างๆ หรือเมอร์ส (MERS) ก็ตาม หรือซาร์ส (SARS) เบื้องต้นมีการเกิดการกระจายอย่างเป็นอิสระเข้าในมนุษย์ อย่างน้อย 5 เหตุการณ์

โดยในแต่ละครั้งที่เกิดอยู่ในพื้นที่ที่ห่างกันเป็น 10 เป็น 100 กิโลเมตร ในปี 2002–2003 และมีตัวกลางชะมดแมว (civet cats) ที่มีกระจายอยู่ในพื้นที่ก่อน และไวรัสซาร์สมีหลายสายพันธุ์ตั้งแต่ต้น ซึ่งแสดงว่ามีการวิวัฒนาการผ่านมาก่อนหน้านี้หลายครั้งในสัตว์ต้นตอจนกระทั่งถึงผ่านตัวกลาง

พุ่งเป้าไปที่กรณีใน “โควิด” เป็นการเกิดในเวลาเดียว ที่เดียว…single time single place พื้นที่เล็กๆตั้งแต่ต้น และหลักฐานของไวรัสไม่เป็น เช่น ซาร์สก่อนหน้า โดยไม่มีการรั่วไหลหลายครั้ง โควิดที่เกิดที่อู่ฮั่นเป็นตัวที่มีความสมบูรณ์เต็มที่ในการแพร่จากคนสู่คน (well-adapted for human-to-human transmission)

อีกทั้งโควิดตัวตั้งต้นมีความหลากหลายของรหัสพันธุกรรมน้อยมาก 2 นิวคลีโอไทด์ จาก 29,900 และรหัสพันธุกรรมของไวรัสที่เก็บตัวอย่างจากพื้นที่ในตลาดอู่ฮั่นก็ไม่ต่างกันกับที่พบในคนที่ติดเชื้อ แสดงว่าเป็น…โควิดที่แพร่จากคนตั้งแต่ต้น และที่พบในจุดที่เกิดแต่แรกใกล้สถาบัน Wuhan institute of virology ไม่ใช่ที่ตลาด

สถาบันมีความตั้งใจที่จะทำการศึกษาโคโรนาไวรัสที่เกี่ยวโยงกับ SARS ว่าจะมีความสามารถที่จะใช้ตัวรับในมนุษย์ ACE2 receptor เพื่อเข้าคนได้หรือไม่ โดยร่วมกับองค์กร EcoHealth Alliance ของสหรัฐฯ ในปี 2018 โดยในโครงการ มีจุดประสงค์ที่หาไวรัสที่คล้าย SARS และมีfurin cleavage site ตามธรรมชาติ

แต่ในการเก็บรวบรวมตัวอย่างนั้นไม่มีไวรัสที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ ทำให้นำไปสู่ความตั้งใจที่จะทำการทดลองให้ไวรัสมีความสามารถเพิ่มขึ้นในการติดเข้ามนุษย์ (genetic recombina tionexperiments)

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2015 มหาวิทยาลัย Huazhong Agricultural University ที่ Wuhan ได้ทำการใส่furin cleavage site ที่ สังเคราะห์ขึ้น เข้าไปในไวรัสในกลุ่มอัลฟาโคโรนาไวรัสคือ porcine epidemic diarrhea virus และในปี 2019 นักวิจัยในประเทศจีนทำการใส่ furin cleavage siteกรดอะมิโน 4 ตัว…

เข้าใน Infectious Bronchitis corona virus ที่ก่อโรคในเป็ดไก่ การศึกษาวิจัยเหล่านี้เพื่อที่จะประเมินว่าไวรัสโคโรนาที่คล้าย SARS จะมีความสามารถเข้ามนุษย์ได้เพียงใด…

ในการให้สัมภาษณ์วารสาร Science Shi Zhengli นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำที่สถาบันไวรัสอู่ฮั่นและเชี่ยวชาญในไวรัสโคโรนาที่เกี่ยวกับ SARS ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความสำเร็จที่ใช้ไวรัสที่ตกแต่งพันธุกรรม chimeric SARS-related corona viruses ในการติดเชื้อและก่อโรครุนแรงแก่หนูและตัวชะมด…

ที่ปรับแต่งให้มี ACE2 receptor ของมนุษย์ และในรายงานยังได้ระบุถึงระบบการรักษาความปลอดภัย Biosafety and Biosecurity ที่สถาบันอู่ฮั่นในช่วงเวลาต่างๆตั้งแต่ 2018 จนกระทั่งในปี 2019

โดยมีเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องในระบบการรักษาความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ และมีการประกาศอย่างเข้มงวดจากรัฐบาลจีน ในข้อปฏิบัติที่ต้องทำอย่างเคร่งครัดตามมาตรฐาน แต่ทั้งนี้ยังทำตามเงื่อนไขให้เกิดความสมบูรณ์และปลอดภัยอย่างเคร่งครัดไม่ได้นัก

อาทิ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของระบบชีวนิรภัยที่สถาบันที่เกี่ยวข้องกับการทดลองไวรัสตระกูล covid และเป็นระบบเกี่ยวข้องกับการควบคุมอากาศในห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับสี่…ในวันที่ 24 เม.ย.62 วันที่14 สิงหาฯ วันที่ 16 กันยาฯ วันที่ 19 พฤศจิกาฯ วันที่ 11 ธันวาฯ ทั้งหมดในปี 2562 และวันที่ 13 พฤศจิกาฯในปี 63

ปุจฉา?ไวรัส “โควิด” ถล่มโลกเป็นเช่นนี้ ด้วยปัจจัยในหลายๆมิติที่กล่าวมาข้างต้นนี้ จึงโน้มเอียงไปในทิศทางหลุดออกมาจากแล็บมากกว่าพัฒนากลายพันธุ์เนิบๆนาบๆมาจากธรรมชาติ.

แชร์บทความ

คลินิกเวชกรรมแพทย์ ธีระวัฒน์

VIDEO

คลิปวิดิโอ

คลินิกเวชกรรมแพทย์ ธีระวัฒน์

ARTICLE

บทความ